บทคัดย่อ:เมื่อ 2 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ตอบโต้เสียงวิจารณ์ว่ารัฐบาลไม่มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยอ้างว่า รัฐบาลทำไปเต็มที่ และเรียกร้องให้ผู้วิจารณ์เสนอแนวทางการแก้ไขมา ถ้าเขาเห็นว่าดี จะทำตาม

เมื่อ 2 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ตอบโต้เสียงวิจารณ์ว่ารัฐบาลไม่มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยอ้างว่า รัฐบาลทำไปเต็มที่ และเรียกร้องให้ผู้วิจารณ์เสนอแนวทางการแก้ไขมา ถ้าเขาเห็นว่าดี จะทำตาม
“เรื่องค่าเงินบาท ก็มีการตั้งคณะกรรมการติดตามอย่างใกล้ชิด มาตราการหลายอย่างก็ได้ออกไป หลายอย่างก็ดีขึ้น แต่บางอย่างก็ยังไม่ดีขึ้น”
ด้าน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวในวันเดียวกัน ยอมรับว่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลกระทบต่อประเทศ แม้ทุกฝ่ายพยายามบริหารจัดการต่อเนื่อง และไม่สามารถตอบได้ว่า เงินบาทจะแข็งค่าอีกนานหรือไม่ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ อีไอซี ของ ธนาคารไทยพาณิชย์ ระบุในรายงานเมื่อ 2 ม.ค. ว่า เงินบาทในปี 2563 จะยังเผชิญแรงกดดันด้านแข็งค่าอยู่ต่อเนื่อง แต่ในอัตราที่น้อยลงจากปี 2562 โดยมองว่า เงินบาท ณ สิ้นปี 2563 จะอยู่ในกรอบ 29.50-30.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจาก ไทยยังต้องเผชิญปัจจัยเชิงโครงสร้างที่ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดยังคงเกินดุล ในระดับสูง ขณะที่ความต้องการลงทุนในต่างประเทศยังต่ำ จึงทำให้มีความต้องการเงินบาทในปริมาณมาก อีกทั้งดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีโอกาสปรับอ่อนค่าลงได้เล็กน้อย ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ดี ปัจจัยหนุนที่ช่วยให้เงินบาทจะไม่แข็งค่าขึ้นเร็วมากเท่าในปี 2562 คือ การลงทุนในต่างประเทศของภาคธุรกิจไทยอาจมีแนวโน้มปรับดีขึ้นบ้าง
ด้าน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา คาดว่าค่าเงินบาท ณ สิ้นปี 2563 จะอยู่ที่ 29.85/ดอลลาร์สหรัฐฯ
แบงก์ชาติ ประกาศ ดูแลเงินบาท “ใกล้ชิด”
วชิรา อารมย์ดี ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงเมื่อ 2 ม.ค. ว่า ธปท. กำลังจับตาความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิดหลังจากที่เมื่อ 30 ธ.ค. ค่าเงินบาทในตลาดค้าเงินตราต่างประเทศพุ่งไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี ที่ 29.92 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ
วชิรา ระบุว่า ราคาค่าเงินบาทเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. ไม่ได้สะท้อนปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทย แต่มาจากจำนวนเงินบาทในตลาดที่มีน้อยในวันนั้น ทำให้ค่าเงินสูงเกินความเป็นจริง
สำนักข่าวรอยเตอร์และบลูมเบิร์กรายงานตรงกันว่า เงินบาทของไทย เป็นสกุลเงินเอเชียที่แข็งค่ามากที่สุดในรอบปี 2562 โดยมีมูลค่าสูงขึ้นเกือบ 9% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
บลูมเบิร์กรายงานว่าเมื่อช่วงเช้าเวลาเอเชียของ วันที่ 2 ม.ค. ค่าเงินบาทในตลาดค้าเงินตราตกลงไปถึง 1.8% ซึ่งถือว่าตกหนักมากที่สุดนับแต่ปี 2550 มาอยู่ที่ 30.226 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ
บลูมเบิร์กอ้างคำพูดของนักค้าเงินตราจาก INTL FCStone ในสิงคโปร์ว่า “มีความเป็นไปได้ว่าราคาที่ตกลงไปมาจากการแทรกแซงตลาดของธนาคารกลางของไทย ที่พูดเสมอว่าจะเข้าต่อกรกับค่าเงินบาทที่กำลังพุ่งขึ้น”
ที่ผ่านมา ธปท. ไม่เคยชี้แจงเรื่องการแทรกแซงค่าเงินบาทในตลาดค้าเงิน