บทคัดย่อ:แบงค์ชาติเขาซุ่มศึกษา ทดลองเหรียญคริปโตชื่อไทย ๆ คล้ายดอยแห่งหนึ่ง ‘อินทนนท์’ มาตั้งนานแล้ว หมายมั่นปั้นมือว่าจะให้เป็นจุดเริ่มต้นของสกุลเงินดิจิทัลไทย
ตลาดสกุลเงินดิจิทัลคึกคักไม่หยุดเลยนะปีนี้ นักลงทุนไทยหลายคนก็บ่นก็ว่าเอ.. เมื่อไหร่ไทยเราจะมีเหรียญเป็นของตัวเองบ้างนะ บอกเลยว่าจริง ๆ น่ะมี อาจจะได้ใช้ในอนาคตอันใกล้ด้วย เพราะแบงค์ชาติเขาซุ่มศึกษา ทดลองเหรียญคริปโตชื่อไทย ๆ คล้ายดอยแห่งหนึ่ง ‘อินทนนท์’ มาตั้งนานแล้ว หมายมั่นปั้นมือว่าจะให้เป็นจุดเริ่มต้นของสกุลเงินดิจิทัลไทย
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ร่วมมือกับสถานบันการเงิน 8 แห่ง พัฒนาระบบการชำระเงินต้นแบบ ระดับสถาบันการเงินโดยใช้เงินสกุลดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง โดยได้ซุ่มพัฒนามาตั้งแต่ปี 2018 มีจุดประสงค์เพื่อช่วยลดต้นทุนในด้านการเงินอย่างเช่นผู้ตรวจสอบที่เป็นตัวกลาง และรวมถึงการดูแลรักษาเงินสดอีกด้วย ซึ่งเหรียญคริปโตบาทนี้จะนำมาใช้เพื่อการทำธุรกรรมระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารพาณิชย์อื่น ๆ ในประเทศ
โดยเหรียญดังกล่าวจะใช้เทคโนโลยี Blockchain มาช่วยเก็บข้อมูลธุรกรรมเหมือนๆ กับ Bitcoin และสกุล Cryptocurrency อื่น ๆ แต่รายงานก็ไม่ได้เปิดเผยว่าเหรียญที่ว่านี้สามารถที่จะขุดได้หรือไม่ สามารถนำไปเทรดหรือซื้อขายบนกระดานเทรดเหรียญคริปโตทั่วไปได้หรือเปล่า และจะรันอยู่บน Blockchain สาธารณะหรือส่วนตัวก็ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด
โดยโครงการอินทนนท์นี้ได้แบ่งการพัฒนาออกเป็น 3 ระยะ และขณะนี้ได้ไปถึงระยะที่ 3 แล้ว
ระยะที่ 1 สร้างระบบการชำระเงินต้นแบบ โดยใช้เทคโนโลยี DLT หรือที่คนส่วนใหญ่มักเรียกว่า Blockchain
แปลงเงินฝากของสถาบันการเงินที่นำมาฝากไว้ที่แบงก์ชาติ ให้อยู่ในรูปสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (Central Bank Digital Currency: CBDC) เพื่อใช้ชำระธุรกรรมการเงินระหว่างกัน รวมถึงออกแบบกลไกการให้สภาพคล่องแก่สถาบันการเงินระหว่างวันแบบอัตโนมัติ (Automated Liquidity Provision) เพื่อช่วยสนับสนุนให้ระบบการชำระเงินทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดต้นทุนการบริหารจัดการต่าง ๆ
ระยะที่ 2 พัฒนาขีดความสามารถของระบบการชำระเงินต้นแบบที่ครอบคลุมกิจกรรมการเงินที่ซับซ้อน
แปลงพันธบัตรให้อยู่ในรูป Token เพื่อให้สามารถส่งมอบและชำระเงินค่าพันธบัตรในเวลาเดียวกัน (Delivery versus Payment: DvP) โดยไม่อาศัยตัวกลาง ขณะที่ ระบบได้ถูกออกแบบให้รองรับกิจกรรมการซื้อขายพันธบัตรในตลาดรอง และการนำพันธบัตรมาใช้เป็นหลักประกันสำหรับธุรกรรมซื้อคืน (Repo) นอกจากนี้ มีการขยายขอบเขตที่ครอบคลุมถึงการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการตรวจสอบข้อมูล และกฎเกณฑ์การชำระเงินที่อยู่ภายใต้การกำกับของแบงก์ชาติ
และระยะที่ 3 (ซึ่งกำลังทดลองอยู่ขณะนี้) โดยการทดสอบดังกล่าวนั้นจะเกี่ยวกับการนำเอา DLT มาใช้ “ทดสอบการโอนเงินระหว่างประเทศ (cross-border funds transfer) รวมถึงการออกแบบเชิงธุรกิจและการกำกับดูแลให้เป็นไปตามเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง ธปท. มีแผนจะร่วมดำเนินการกับธนาคารกลางฮ่องกง (Hong Kong Monetary Authority: HKMA)”
‘อินทนนท์’ อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการสกุลเงินดิจิทัลไทยเลยก็ว่าได้ เราเฝ้าติดตามการพัฒนาเหรียญนี้มานานพอสมควร และหวังว่าคนไทยจะมีโอกาสได้ใช้เร็ว ๆ นี้ หากโครงการอินทนนท์มีความคืบหน้าอย่างไร เราจะรีบมาอัพเดตให้ทราบกัน โดยคุณสามารถติดตามและรับการแจ้งเตือนข่าวสาร บทความ เทคนิคกลยุทธ์ แนวโน้มตลาด และอีกมากมายที่ครอบคลุมทุกด้านของการลงทุน ผ่านแอป WikiFX แอปเดียว ดาวน์โหลดเลยตอนนี้ ฟรี!!
ขอบคุณข้อมูลจาก: ธนาคารแห่งประเทศไทย - Bank of Thailand