บทคัดย่อ:ทำไมคริปโทเคอร์เรนซีจึงเป็นสาเหตุหนึ่งของวิกฤตโลกร้อนได้? ตอบได้ง่าย ๆ ว่า ระดับการใช้พลังงานของคริปโทเคอร์เรนซีมี “มหาศาล” และมีส่วนหนึ่งที่ “สูญเปล่า”
ทำไมคริปโทเคอร์เรนซีจึงเป็นสาเหตุหนึ่งของวิกฤตโลกร้อนได้? ตอบได้ง่าย ๆ ว่า ระดับการใช้พลังงานของคริปโทเคอร์เรนซีมี “มหาศาล” และมีส่วนหนึ่งที่ “สูญเปล่า”

ในกระบวนการขุด (mining) หรือการผลิตคริปโทเคอร์เรนซีจำเป็นต้องใช้ “การถอดสมการทางคณิตศาสตร์” (หรือเรียกว่าการเข้ารหัสตามที่ได้กล่าวข้างต้น) ร่วมกับการบันทึกและยืนยันข้อมูล โดย ระบบของคริปโทเคอร์เรนซีถูกออกแบบมาให้มีรางวัลเป็นคริปโทเคอร์เรนซีสกุลนั้น ๆ ให้กับผู้ที่ทำหน้าที่ช่วยระบบประมวลผลข้อมูล ซึ่งกระบวนการนี้ต้องใช้การถอดรหัสที่ซับซ้อนโดย “คอมพิวเตอร์จำนวนมหาศาล”
ดังนั้น ยิ่งขนาดตลาดและปริมาณธุรกรรมของคริปโทเคอร์เรนซีโตขึ้นเท่าใด ก็จำเป็นต้องใช้พลังงานเพื่อประมวลผลการเข้ารหัสที่มากขึ้นไปเท่านั้น โดยกระบวนการขุดเสมือนเป็น “เกม” ที่ผู้ที่แก้รหัสได้เร็วที่สุดจะได้ส่วนแบ่ง หรือรางวัลคือคริปโทเคอร์เรนซีไป ทั้งนี้ ขนาดของตลาดซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีในปี 2019 อยู่ที่ประมาณ 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และจากข้อมูลล่าสุดของ Cambridge Centre for Alternative Finance (ศูนย์วิจัยด้านวิชาการของ Cambridge Judge Business School แห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อวัดการใช้พลังงานในการรักษาเครือข่ายบิทคอยน์แบบเรียลไทม์) พบว่า ในปัจจุบัน เครือข่ายเฉพาะของบิทคอยน์ทั้งโลก ใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่า 7 กิกะวัตต์ต่อปี หรือถ้าเทียบเป็นต่อชั่วโมง จะคิดเป็น 64 เทราวัตต์ต่อชั่วโมง ซึ่งเทียบได้กับการใช้พลังงานในระดับที่มากกว่าประเทศสวิตเซอร์แลนด์ทั้งประเทศใช้ในระยะเวลาเดียวกัน

แต่ส่วนที่แย่กว่านั้นคือ ผู้แพ้ในการถอดรหัสได้ใช้พลังงานไฟฟ้าไปกับธุรกรรมที่ไม่ก่อประโยชน์ใด ๆ กับโลกเลย เรียกได้ว่า “สูญเปล่า” จริง ๆ…
คิดตามต่อไปว่า เมื่อใช้พลังงานมากก็ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นก๊าซเรือนกระจกออกมาเยอะตามไปด้วย โดยมีประมาณการว่า การขุดบิทคอยน์ออนไลน์ในปี 2018 นั้นผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่ากับการใช้เครื่องบินเดินทาง 1 ล้านเที่ยวบินในระยะทางบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก (transatlantic flights) (มีหลายท่านอาจคิดต่อว่า ปัจจุบันมีการพูดถึง “Green mining” หรือการขุดคริปโทเคอร์เรนซีโดยใช้พลังงานสะอาด ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหากับสิ่งแวดล้อมจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถคำนวณได้ชัดเจนว่า จะช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้มากน้อยเพียงใด และพลังงานสะอาดเหล่านั้นจะทดแทนพลังงานแบบเก่าได้แค่ไหน)

ดังนั้น เมื่อรู้ผลกระทบที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงจากการเติบโตของคริปโทเคอร์เรนซีแล้ว คำถามที่แท้จริงที่เราต้องตอบ คือ… เหตุใดเราจึงต้องการความเป็นส่วนตัวจากการใช้คริปโทเคอร์เรนซีมากมายนัก? หรือเราต้องการใช้คริปโทเคอร์เรนซีเพื่อทำธุรกรรมสีเทา? หรือเราเพียงแค่ต้องการเก็งกำไรในมูลค่าคริปโทเคอร์เรนซีที่ผันผวน? เหล่านี้ต้องแลกกับหายนะที่เกิดขึ้นกับโลกเรา มันคุ้มแล้วหรือที่เราอาจจะได้กำไรในตอนนี้ แต่สุดท้ายต้องสูญสิ้นเพราะโลกไม่สามารถอยู่อาศัยได้อีกแล้ว?
ทุกคนคิดว่าอย่างไรกันบ้างครับ ?
ถ้าคุณคิดว่าการเลือกโบรกเกอร์ Forex มันยากไม่รู้จะเอาอะไรดี ลองมาดูการจัดอันดับโบรกเกอร์ Forex จาก WikiFX ไหม เราได้จัดอันดับโบรกเกอร์ดีและไม่ดี ให้คุณได้เลือกโบรกง่ายขึ้น ถ้าโบรกเกอร์คุณติดอันดับ 50 ขึ้นไปถือว่าสามารถสบายใจได้เลยว่าโบรกเกอร์ของคุณนั้นมาตรฐานดี ดาวน์โหลดแอพ WikiFX เลย!