บทคัดย่อ:เมื่อวันอังคาร(18พ.ค.)เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ที่เริ่มรณรงค์เพื่อกำจัดเหมืองคริปโตเคอร์เรนซี เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ ประกาศตั้งแพลทฟอร์มเพื่อให้พลเมืองรายงานโครงการผิดกฏหมายต่างๆ
เมื่อวันอังคาร(18พ.ค.)เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ที่เริ่มรณรงค์เพื่อกำจัดเหมืองคริปโตเคอร์เรนซี เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ ประกาศตั้งแพลทฟอร์มเพื่อให้พลเมืองรายงานโครงการผิดกฏหมายต่างๆ
ในวันเดียวกัน สมาคมในอุตสาหกรรมการเงินของจีน3แห่ง ประกอบด้วย สมาคมการเงินอินเทอร์เน็ตแห่งชาติของจีน สมาคมธนาคารจีน และสมาคมด้านการชำระเงินและหักบัญชีของจีน ออกแถลงการณ์ร่วม สั่งให้บรรดาสถาบันการเงินและแพลตฟอร์มการชำระเงินต่างๆในประเทศ ระงับการดำเนินการธุรกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัล หรือคริปโตเคอร์เรนซีโดยเด็ดขาด แม้ว่าในปัจจุบันนี้ มูลค่าของตลาดคริปโตเคอร์เรนซี ได้รับการยอมรับจากในยุโรปและสหรัฐมากขึ้นเรื่อยๆ แต่สำหรับจีนมองว่าเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ สมาคมทั้ง 3 แห่งของจีนยังเตือนนักลงทุนเกี่ยวกับความเสี่ยงที่มาจากการเก็งกำไรสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ไม่สามารถใช้จ่ายในฐานะสกุลเงินปกติได้ในขณะนี้ ทั้งคริปโตเคอร์เรนซีอย่างบิทคอยน์และดอจคอยน์ถือเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่มีเสถียรภาพ มีความผันผวนสูงมาก และมีความอ่อนไหวมาก
คำเตือนของสมาคมทั้ง3แห่งมีขึ้นหลังจากตำรวจมณฑลอันฮุย ระบุว่า ทลายเครือข่ายการต้มตุ๋นทางการเงินแบบปิรามิดสกุลเงินดิจิทัลเกี่ยวข้องกับผู้คนประมาณ 2,000 คนและเงินมูลค่ากว่า 200 ล้านหยวน (31 ล้านดอลลาร์)
ทางการจีนห้ามซื้อขายสกุลเงินคริปโตในประเทศจีนตั้งแต่ปี 2560 เพื่อป้องกันการฟอกเงิน และสกัดการรั่วไหลของเงินในต่างแดน โดยสมาคมการเงินอินเทอร์เน็ตแห่งชาติของจีน ระบุว่า ราคาสกุลเงินคริปโตทะยานขึ้นและดิ่งลง ซึ่งความผันผวนของราคาสกุลเงินดิจิทัลส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยด้านทรัพย์สิน และสร้างความปั่นป่วนต่อลำดับขั้นตามปกติของเศรษฐกิจและการเงิน ทั้งยังเตือนว่าการขาดทุนที่เกิดจากการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีเป็นภาระของผู้บริโภคเพียงฝ่ายเดียว เนื่องจากกฎหมายจีน ยังไม่ครอบคลุมการทำธุรกรรมด้วยเงินประเภทนี้
การประกาศแบนคริปโตเคอร์เรนซีของทางการปักกิ่ง มีขึ้นในช่วงที่่ธนาคารกลางจีน เตรียมส่งเสริมดิจิทัลหยวน ที่เปิดให้ทดลองใช้งานในโครงการนำร่องทั่วประเทศ เนื่องจากในปัจจุบัน ผู้บริโภคในจีนใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์อยู่แล้ว แต่ดิจิทัลหยวน จะเปิดทางให้ธนาคารกลางสามารถเก็บข้อมูลและควบคุมการชำระเงินแทนที่บริษัทใหญ่ได้
ขณะที่สถาบันการเงินกำลังวิตกกังวลเกี่ยวกับการเก็งกำไร รัฐบาลจีนก็วิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการบริโภคพลังงานและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของการทำเหมืองคริปโตเคอร์เรนซี โดยข้อมูลของศูนย์การเงินทางเลือกหรือซีเอเอฟ ที่มหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ ระบุว่า ทุกวันนี้ จีนมีเครือข่ายการทำเหมืองบิทคอยน์ทั่วโลกมากที่สุด และในปี 2562 จีนใช้ไฟฟ้ามากกว่าการใช้ไฟฟ้ารายปีของประเทศอาร์เจนตินา
นอกจากนี้ ผลศึกษาและวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์เมื่อเดือนที่แล้วของกลุ่มนักวิจัยในจีน สหรัฐและสหราชอาณาจักร ประเมินว่า การบริโภคพลังงานของจีนจากการทำเหมืองบิทคอยน์ในปี 2567จะมากกว่าการบริโภคพลังงานโดยรวมของประเทศต่างๆอย่างอิตาลี และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์จะสูงสุดเมื่อเทียบกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในแต่ละปีของสเปน และเนเธอร์แลนด์
ท่าทีในทางลบของทางการจีนต่อคริปโตเคอร์เรนซี ทำให้ราคาบิทคอยน์ เทรดที่เว็บไซต์คอยน์เดสก์ เมื่อเวลา 06.00 น.ของวานนี้(20พ.ค.)ปรับตัวลงมากถึง 8.47% เคลื่อนไหวที่ 39,064.68 ดอลลาร์ ก่อนจะดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 40,000 ดอลลาร์ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน หลังจาก“เคธี วูด” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ)อาร์ค อินเวสต์เมนท์ แมเนจเมนท์( Ark Investment Management )กล่าวว่า เธอยังคงมีความเชื่อมั่นในสกุลเงินบิทคอยน์ และคาดว่า ราคาบิทคอยน์จะทะยานขึ้นแตะระดับ 500,000 ดอลลาร์
เมื่อเวลา 14.57 น.ตามเวลาไทย ราคาบิทคอยน์ดีดตัวขึ้น 1,713 ดอลลาร์ หรือ 4.46% เคลื่อนไหวที่ 40,103 ดอลลาร์
ซีอีโออาร์ค อินเวสต์เมนท์ แมเนจเมนท์ ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กว่า หุ้นที่มีความผันผวนสูงถูกเทขายออกมาอย่างหนักเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งบิทคอยน์ก็ร่วงลงเช่นกัน โดยล่าสุดดิ่งลงไปอยู่ต่ำกว่า 38,000 ดอลลาร์ แต่บริษัทก็มีสายตาที่กว้างไกลกว่านั้น และมุมมองของบริษัทอยู่เหนือสถานการณ์ดังกล่าว และบริษัทมั่นใจว่าราคาบิทคอยน์จะทะยานขึ้นในวันข้างหน้า